คู่มือเพื่อความปลอดภัยสำหรับแบตเตอรี่นิกเกิล-แคดเมียม (Ni-Cd)
แบตเตอรี่นิกเกิล-แคดเมียม (Ni-Cd) ถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในอุปกรณ์ต่างๆ เช่น เครื่องมือไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบพกพา และอุปกรณ์ทางการแพทย์ เนื่องจากมีอัตราการคายประจุสูง อายุการใช้งานยาวนาน และความสามารถในการทำงานในอุณหภูมิที่สูงมาก อย่างไรก็ตาม การใช้แบตเตอรี่ Ni-Cd อย่างไม่เหมาะสมอาจนำไปสู่อันตรายด้านความปลอดภัย เช่น ความร้อนสูงเกินไป การรั่วไหล หรือแม้แต่การระเบิด คู่มือนี้ให้แนวทางที่ครอบคลุมสำหรับการใช้งาน การชาร์จ การจัดเก็บ และการกำจัดแบตเตอรี่ Ni-Cd อย่างปลอดภัย เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยของผู้ใช้และยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่
1. ข้อควรระวังด้านความปลอดภัยทั่วไปสำหรับการใช้งาน
1. หลีกเลี่ยงการบรรทุกเกินและการคายประจุมากเกินไป: แบตเตอรี่ Ni-Cd มี "เอฟเฟกต์หน่วยความจำ" ซึ่งจะลดความจุลงหากแบตเตอรี่ยังคายประจุไม่จนหมดก่อนที่จะชาร์จใหม่ อย่างไรก็ตาม การคายประจุมากเกินไปในระดับลึก (ต่ำกว่า 0.8V ต่อเซลล์) อาจทำให้โครงสร้างภายในของแบตเตอรี่เสียหายได้ ส่งผลให้เกิดการรั่วไหลของอิเล็กโทรไลต์ที่ประกอบด้วยแคดเมียมที่เป็นพิษ หยุดใช้แบตเตอรี่ทันทีเมื่ออุปกรณ์แสดงคำเตือนพลังงานต่ำ
2. ป้องกันความเสียหายทางกายภาพ: อย่าทำหล่น บด เจาะ หรือถอดแยกชิ้นส่วนแบตเตอรี่ Ni-Cd ความเสียหายทางกายภาพอาจทำให้กล่องแบตเตอรี่แตก เผยให้เห็นอิเล็กโทรไลต์ที่มีฤทธิ์กัดกร่อน และเพิ่มความเสี่ยงของการลัดวงจร หากแบตเตอรี่มีรอยบุบ บวม หรือรั่ว ให้ทิ้งทันที (ตามขั้นตอนการกำจัดที่เหมาะสม)
3. จับคู่แบตเตอรี่กับอุปกรณ์: ใช้เฉพาะแบตเตอรี่ Ni-Cd ที่เข้ากันได้กับข้อกำหนดด้านแรงดันไฟฟ้าและกระแสไฟของอุปกรณ์ การผสมแบตเตอรี่ประเภทต่างๆ (เช่น Ni-Cd กับลิเธียมไอออน) หรือการใช้แบตเตอรี่ที่ไม่แนะนำอาจทำให้เกิดความร้อนสูงเกิน อุปกรณ์ทำงานผิดปกติ หรือแบตเตอรี่ขัดข้อง
4. หลีกเลี่ยงอุณหภูมิที่สูงเกินไป: แบตเตอรี่ Ni-Cd ทำงานได้ดีที่สุดที่อุณหภูมิระหว่าง 0°C ถึง 40°C (32°F และ 104°F) ห้ามใช้ในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 70°C (158°F) (เช่น ใกล้เตาไฟหรือแสงแดดส่องโดยตรง) หรือต่ำกว่า -20°C (-4°F) เนื่องจากอุณหภูมิที่สูงเกินไปอาจทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง ส่วนประกอบภายในเสียหาย หรือทำให้เกิดการรั่วไหล
2. วิธีปฏิบัติในการชาร์จอย่างปลอดภัย
1. ใช้เครื่องชาร์จ Ni-Cd ที่ใช้ร่วมกันได้: ใช้เครื่องชาร์จที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับแบตเตอรี่ Ni-Cd เสมอ การใช้ที่ชาร์จที่ไม่สามารถใช้งานร่วมกันได้ (เช่น สำหรับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน) อาจทำให้เกิดการชาร์จไฟมากเกินไป ร้อนเกินไป หรือแบตเตอรี่ระเบิดได้
2. ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เวลาในการชาร์จ: อย่าชาร์จแบตเตอรี่ Ni-Cd มากเกินไป แบตเตอรี่ Ni-Cd ส่วนใหญ่ต้องใช้เวลาชาร์จ 8–12 ชั่วโมงตามกระแสไฟที่แนะนำ (โดยปกติคือ 0.1C ถึง 0.2C โดยที่ "C" คือความจุของแบตเตอรี่ในหน่วยแอมแปร์-ชั่วโมง) การอัดประจุมากเกินไปอาจทำให้สูญเสียอิเล็กโทรไลต์ ความจุลดลง และเพิ่มความเสี่ยงด้านความปลอดภัย
3. ชาร์จในพื้นที่ที่มีการระบายอากาศดี: ในระหว่างการชาร์จ แบตเตอรี่ Ni-Cd อาจปล่อยก๊าซไฮโดรเจนออกมาเล็กน้อย ชาร์จแบตเตอรี่ในพื้นที่เปิดโล่งที่มีการระบายอากาศดีเพื่อป้องกันการสะสมของก๊าซ ซึ่งอาจนำไปสู่เพลิงไหม้หรือการระเบิดได้หากติดไฟ
4. ตรวจสอบแบตเตอรี่ระหว่างการชาร์จ: ตรวจสอบแบตเตอรี่และอุปกรณ์ชาร์จเป็นระยะขณะชาร์จ หากแบตเตอรี่ร้อนเกินไป (ร้อนเกินกว่าจะสัมผัสได้) พองตัว หรือมีกลิ่นผิดปกติ ให้หยุดชาร์จทันที ถอดเครื่องชาร์จออก และทิ้งแบตเตอรี่อย่างปลอดภัย
5. หลีกเลี่ยงการชาร์จแบตเตอรี่ที่เสียหาย: ห้ามชาร์จแบตเตอรี่ Ni-Cd ที่รั่ว บวม ทะลุ หรือเสียหายอย่างอื่น แบตเตอรี่ที่เสียหายมีแนวโน้มที่จะเกิดไฟฟ้าลัดวงจรและอาจระเบิดระหว่างการชาร์จ
3. คำแนะนำในการจัดเก็บที่ปลอดภัย
1. เก็บในที่แห้งและเย็น: เก็บแบตเตอรี่ Ni-Cd ไว้ในพื้นที่จัดเก็บที่มีอุณหภูมิระหว่าง 10°C ถึง 30°C (50°F และ 86°F) และมีความชื้นต่ำ (ต่ำกว่า 60%) อุณหภูมิและความชื้นสูงสามารถเร่งการคายประจุแบตเตอรี่และการกัดกร่อนของขั้วต่อได้
2. จัดเก็บโดยชาร์จบางส่วน: สำหรับการจัดเก็บระยะยาว (มากกว่า 1 เดือน) ให้เก็บแบตเตอรี่ Ni-Cd ไว้ที่ 40–60% ของความจุทั้งหมด การจัดเก็บแบตเตอรี่ที่ชาร์จจนเต็มเป็นระยะเวลานานอาจทำให้สูญเสียความจุเนื่องจากผลกระทบของหน่วยความจำ ในขณะที่การเก็บแบตเตอรี่ที่คายประจุจนหมดอาจทำให้เกิดซัลเฟตแบบถาวร
3. แยกขั้วต่อเพื่อป้องกันการลัดวงจร: เมื่อจัดเก็บแบตเตอรี่ Ni-Cd ที่หลวม ให้ปิดขั้วต่อ (ขั้วบวกและขั้วลบ) ด้วยเทปฉนวนหรือเก็บไว้ในกล่องพลาสติกแต่ละชิ้น เพื่อป้องกันการสัมผัสกับวัตถุที่เป็นโลหะโดยไม่ตั้งใจ (เช่น กุญแจ เหรียญ) ซึ่งอาจทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร เกิดความร้อนสูงเกินไป หรือไฟไหม้ได้
4. เก็บให้ห่างจากเด็กและสัตว์เลี้ยง: เก็บแบตเตอรี่ Ni-Cd ไว้ในที่ปลอดภัยให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง การกลืนแบตเตอรี่อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บภายในอย่างรุนแรงหรือเป็นพิษได้ (เนื่องจากมีแคดเมียม) หากกลืนกินเข้าไป ให้ไปพบแพทย์ทันที
4. การกำจัดและการรีไซเคิลอย่างปลอดภัย
1. ห้ามทิ้งลงในถังขยะทั่วไป: แบตเตอรี่ Ni-Cd มีแคดเมียมที่เป็นพิษ ซึ่งเป็นโลหะหนักที่สามารถปนเปื้อนในดินและน้ำได้หากกำจัดในหลุมฝังกลบ ในหลายประเทศ การทิ้งแบตเตอรี่ Ni-Cd กับขยะในครัวเรือนทั่วไปถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
2. รีไซเคิลผ่านโปรแกรมที่ได้รับอนุญาต: นำแบตเตอรี่ Ni-Cd ที่ใช้แล้วไปยังศูนย์รีไซเคิลในพื้นที่ จุดรวบรวมขยะอิเล็กทรอนิกส์ (ขยะอิเล็กทรอนิกส์) หรือร้านค้าปลีกที่ให้บริการรีไซเคิลแบตเตอรี่ (เช่น ร้านฮาร์ดแวร์ ร้านค้าปลีกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์) ผู้ผลิตหลายรายยังจัดให้มีโปรแกรมการรับคืนแบตเตอรี่ Ni-Cd ของตนด้วย
3. จัดการแบตเตอรี่ที่รั่วด้วยความระมัดระวัง: หากแบตเตอรี่ Ni-Cd รั่ว ให้สวมถุงมือและอุปกรณ์ป้องกันดวงตาเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับอิเล็กโทรไลต์ที่มีฤทธิ์กัดกร่อน เช็ดของเหลวที่รั่วไหลด้วยผ้าหมาด (อย่าใช้มือเปล่า) ใส่แบตเตอรี่ในถุงพลาสติกปิดผนึก แล้วนำไปที่ศูนย์รีไซเคิลทันที อย่าเทของเหลวที่รั่วไหลลงในท่อระบายน้ำหรือทิ้งลงถังขยะ
5. การตอบสนองฉุกเฉิน
1. ไฟที่เกี่ยวข้องกับแบตเตอรี่ Ni-Cd: หากแบตเตอรี่ Ni-Cd ติดไฟ ให้ใช้ถังดับเพลิงประเภท D (สำหรับไฟที่เป็นโลหะ) หรือทรายแห้งเพื่อดับเปลวไฟ อย่าใช้น้ำ เพราะจะทำให้ไฟลุกลามหรือทำให้แบตเตอรี่ระเบิดได้ อพยพออกจากพื้นที่หากควบคุมเพลิงไม่ได้และโทรแจ้งหน่วยฉุกเฉิน
2. การสัมผัสทางผิวหนังหรือตาด้วยอิเล็กโทรไลต์: หากอิเล็กโทรไลต์ (ของเหลวที่มีฤทธิ์กัดกร่อน) จากแบตเตอรี่ที่รั่วไหลสัมผัสกับผิวหนัง ให้ล้างบริเวณที่ได้รับผลกระทบด้วยน้ำเย็นปริมาณมากเป็นเวลาอย่างน้อย 15 นาที หากเข้าตา ให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาดเป็นเวลา 15 นาที แล้วไปพบแพทย์ทันที
3. การกลืนแบตเตอรี่: หากกลืนแบตเตอรี่เข้าไป ห้ามทำให้อาเจียน ขอความช่วยเหลือจากแพทย์ฉุกเฉินทันทีและแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับประเภทแบตเตอรี่ (Ni-Cd) และขนาด
โดยการปฏิบัติตามแนวทางเหล่านี้ คุณสามารถมั่นใจได้ถึงการใช้แบตเตอรี่ Ni-Cd อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันก็ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและความเสี่ยงต่อสุขภาพด้วย โปรดดูคำแนะนำด้านความปลอดภัยจากผู้ผลิตแบตเตอรี่เสมอ เนื่องจากการออกแบบผลิตภัณฑ์อาจแตกต่างกันไป